Average Day Range (ADR) เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดความผันผวนของสินทรัพย์ โดยจะแสดงการเคลื่อนไหวของราคาเฉลี่ยระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ในการคำนวณค่าเฉลี่ย ตัวชี้วัดนี้จะเริ่มต้นด้วยการนับความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด หลังจากนั้นจึงคำนวณค่าเฉลี่ยจากข้อมูลที่คำนวณได้:
Average Day Range = SMA(High - Low, Length)

Average Day Range (ADR)
Average Day Range (ADR) จะวัดความกว้างเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงราคาตลอดช่วงเวลาที่กำหนด เช่น 14 วัน โดยคำนวณจากความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดในแต่ละวัน และนำค่าความแตกต่างเหล่านี้มาหาค่าเฉลี่ย ADR ช่วยให้นักเทรดเข้าใจความผันผวนที่คาดหวังจากสินทรัพย์ในวันซื้อขาย และใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนกลยุทธ์การเทรด
Average True Range (ATR)
Average True Range (ATR) ก็ใช้ในการวัดความผันผวนเช่นกัน แต่คำนวณในลักษณะที่แตกต่างกัน ทำให้เป็นตัวชี้วัดที่มีความยืดหยุ่นและแม่นยำมากขึ้น ในการคำนวณ ATR จะต้องพิจารณาช่วงจริงของราคาในแต่ละวัน ซึ่งคือค่าที่สูงที่สุดจากสามค่า:
- ความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดในวันปัจจุบัน
- ความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดในวันปัจจุบันและราคาปิดในวันก่อนหน้า
- ความแตกต่างระหว่างราคาต่ำสุดในวันปัจจุบันและราคาปิดในวันก่อนหน้า
จากนั้นใช้ค่าช่วงจริงเหล่านี้ในการคำนวณค่าเฉลี่ยสำหรับช่วงเวลาที่กำหนด (มักจะ 14 วัน) ATR จะพิจารณาช่องว่างระหว่างวัน ทำให้เป็นตัวชี้วัดที่แม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่มีช่องว่างราคาขนาดใหญ่ระหว่างการซื้อขาย
ความแตกต่างหลัก
- วิธีการคำนวณ: ADR คำนึงถึงช่วงเฉลี่ยระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดในวัน แต่ ATR จะพิจารณาช่องว่างระหว่างปิดและเปิดของวันทำการด้วย
- การใช้งาน: ADR มักใช้ในการประมาณความผันผวนรายวัน ในขณะที่ ATR ใช้ในการประเมินความผันผวนโดยไม่คำนึงถึงกรอบเวลา และสามารถใช้ในกลยุทธ์การเทรดต่างๆ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงและการตั้ง Stop-Loss
- ความยืดหยุ่น: ATR ถือเป็นตัวชี้วัดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า เนื่องจากสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพตลาดและพิจารณาช่องว่างราคาได้